แพทย์หญิงวัชรีย์ สิทธิวงศ์
- แพทยศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- Thai Board of Dermatology
ตีพิมพ์ใน วิชัยยุทธสาร
ใครๆก็ชอบมีผิวหน้าเรียบเนียนใส สีผิวสม่ำ เสมอ หลายท่านก็อยากให้หน้าขาวหรือผิวขาวขึ้นกว่า ที่เป็นอยู่ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจเรื่องสีผิวของ คนเราก่อน สีผิวจะแบ่งตามเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ พวกเอเชียจะมีสีผิวขาวเหลือง พวกยุโรปจะผิวขาว (บางทีเราจะรู้สึกว่าขาวซีด) ส่วนนิโกรจะมีสีผิวที่เข้ม (อย่าได้ไปเรียกคนผิวดำในอเมริกาว่านิโกรเชียวนะ ให้เรียกว่าพวกแอฟริกันอเมริกัน ไม่งั้นอาจถูกมองว่า เป็นพวกเหยียดสีผิวได้) ในทางการแพทย์จะแบ่งเรื่อง สีผิวเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆคือ
1. | Constitutive skin color เป็นสีผิวแต่กำเนิดหรือ สีผิวดั้งเดิม ซึ่งเป็นผลจากพันธุกรรม หากจะดูว่า สีผิวดั้งเดิมของเราเป็นอย่างไร ก็ให้ดูที่ตำแหน่ง ท้องแขนด้านใน, ต้นขา, ก้น ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่โดน แสงแดด ฉะนั้นคุณสาวๆที่ต้องการให้ผิวขาว จะ ขาวได้มากที่สุดเท่ากับสีผิวดั้งเดิมของเราเท่านั้น นะคะ หมอเองเคยมีคนไข้เป็นเด็กวัยรุ่นผิวสีแทน ซึ่งเป็นสีผิวดั้งเดิม แต่ต้องการให้ผิวขาวเหมือนพวก ญี่ปุ่น เจออย่างนี้ทำได้อย่างเดียวค่ะ คือให้คนไข้ ทำใจยอมรับ เพราะจริงๆแล้วผิวสีเข้มก็ดูมีเสน่ห์ ไปอีกแบบ | 2. | Facultative skin color เป็นสีผิวที่ถูกเปลี่ยน แปลงได้โดยแสงแดด สภาวะแวดล้อม ฮอร์โมน จะพบว่าบางท่านโดนแดดไม่นานสีผิวก็เข้มแล้ว คือ เปลี่ยนเป็นสีแทนได้ง่าย |
เม็ดสีเกิดจากอะไร ที่ผิวหนังจะมีเชลล์สร้างเม็ดสี เปรียบเสมือน โรงงานผลิต เรียกว่า เมลาโนไซด์ (Melanocyte) เมื่อ สร้างเม็ดสีเสร็จแล้วจะมีการส่งต่อไปที่เซลล์ผิวหนัง แต่ละตัว เป็นการกระจายเม็ดสีไปทั่วๆ (รูปที่ 1) หาก มีความผิดปกติของตัวสร้าง | รูปที่ 1 |
(Melanocyte) , ขบวนการ สร้าง หรือขบวนการส่งต่อไปที่เซลล์ผิวหนัง ก็จะเกิด ความผิดปกติของสีผิวขึ้นมา ซึ่งเป็นได้ทั้งสีผิวที่เข้มขึ้น (hyperpigmentation) หรือสีผิวที่จางลง (hypo- pigmentation) ในคอลัมน์วันนี้จะพูดถึงเฉพาะสีผิว ที่เข้มขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องความสวยงามคงหนีไม่พ้น ในเรื่องกระและฝ้า | | กระ แบ่งได้เป็นหลายอย่าง เช่น กระแดด, กระตื้น, กระลึก (รูปที่ 2) | กระ | | |
| | | กระแดด | | กระแดดหลังการรักษา ด้วยเลเซอร์เม็ดสี | ชุดภาพที่ 2 |
ฝ้า มีทั้งฝ้าชั้นตื้นและฝ้าชั้นลึก ส่วนใหญ่มัก จะมีทั้ง 2 ชนิดร่วมกัน ฝ้าชั้นตื้นจะให้ผลการรักษา ได้ดีกว่าฝ้าชั้นลึกมาก ในฝ้าชั้นลึกโดยประสบการณ์ ส่วนตัว ยังไม่เคยเห็นใครรักษาให้ขาวได้ทั้งหมด สาเหตุ มีหลายปัจจัย บ้างก็ว่าเป็นเรื่องของพันธุกรรม โดยเฉพาะเรื่องกระ ปัจจัยอื่นๆ เช่น แสงแดด, ฮอร์โมน, ยากินบางประเภท, โรคในระบบภายใน (เช่น โรค ไทรอยด์, โรคตับ) แม้แต่ความเครียดก็ทำให้เม็ดสีที่มีอยู่แล้วเข้มขึ้นได้ ดังคำโบราณว่า หน้าดำคร่ำเครียด เห็นจะเป็นเรื่องจริง หลักการรักษา 3 ประการคือ
1. | ครีมกันแดด (Sun screen) | 2. | ยาทาเฉพาะที่ | 3. | ให้เวลากับการรักษาเพราะไม่มีการรักษาใดเห็น ผลเร็วในระยะเวลาอันสั้น |
|
****************************** |
ครีมกันแดด ในการรักษาเรื่องเม็ดสีผิดปกติบนใบหน้าจะ ไม่ประสบความสำเร็จเลย หากขาดการใช้ครีมกันแดด ทุกๆวัน เรื่องครีมกันแดดอยากจะแนะนำการเลือก ใช้ครีมกันสักหน่อย ควรเลือกชนิดที่สามารถป้องกัน ได้ทั้งอุลตราไวโอเล็ตเอ (UVA) และแสงอุลตรา- ไวโอเล็ตบี (UVB) ให้ดูที่ค่า PA และ SPF ซึ่งจะเป็นตัว บอกถึงความสามารถในการป้องกัน UVA และ UVB ตามลำดับ หมอมักจะถูกคนไข้ถามว่า ควรใช้ครีมกัน แดดที่มีค่า SPF เท่าไรดีค่ะ โดยส่วนตัวหมอเองจะแนะนำ ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF และ PA สูงที่สุดที่จะ ใช้ได้โดยไม่แพ้ เพราะปกติเราจะทาครีมไม่หนาเหมือนในห้องทดลอง คือจะทาหน้าโดยเฉลี่ยประมาณ 1 ใน 4 เท่า ของความหนาที่ทำในห้องทดลอง ปัญหาอีกอย่างที่มักถูกถามเสมอคือ ควรจะทา ครีมกันแดดวันละกี่ครั้งดีคะ? ขอตอบว่าประสิทธิภาพของ ครีมกันแดดจะอยู่นานประมาณ 2-4 ชั่วโมงหลังการทา จากนั้นประสิทธิภาพจะลดลงเรื่อยๆ ในคนทำงานที่ต้อง แต่งหน้า ทำงานในห้องทำงานที่ติดแอร์ หากจะต้องล้าง หน้าทาครีมกันแดดใหม่ทุก 2-4 ชั่วโมง คงไม่เป็นอัน ทำงานแน่ๆ แต่หากใครสามารถก็ต้องยกนิ้วให้ ฉะนั้น คงต้องพิจารณากันเอาเอง ส่วนตัวหมอเองจะแนะนำ คนไข้ว่า หากผิวหน้ามันและเหงื่อมากในช่วงกลางวัน ก็ให้ล้างเครื่องสำอางค์ออก และทาครีมกันแดดใหม่อีก รอบ สิ่งที่สามารถกันแดดได้ดีอีกอย่างคือ หมวก, ร่ม, เสื้อผ้าสีเข้ม และพบว่าคงไม่มีอะไรกันแดดได้ดีกว่า เสื้อผ้าแน่นอน ยาทาเฉพาะที่ มีหลายอย่างให้เลือกใช้ โดยทั่วไปมักจะผสม หลายๆตัวในผลิตภัณฑ์หรือยาทา 1 อย่าง หลักการ รักษาของยาทามี 3 ขั้นตอน คือ (รูปที่ 3) | | | | | ยับยั้งการสร้างเม็ดสี | | ยับยั้งการสั่งต่อเม็ดสี ไปที่เซลล์ผิวหนัง | | กำจัดเซลล์ผิวหนัง ที่เม็ดสีมากเกินไป | | | ชุดภาพที่ 3 | | |
1. | ลอกเซลล์ชั้นขี้ไคลออกไป ทำให้ผิวดูใสขึ้น และยัง ช่วยเรื่องริ้วรอยตื้นๆ, ผิวหยาบกร้านให้เรียบเนียน ขึ้นได้ ครีมที่ใช้จะอยู่ในกลุ่มกรดซาลิคไซลิค (Salicylic acid) กรดผลไม้ (AHA), BAH, กรดไวตามินเอ | 2. | ยับยั้งการส่งต่อเม็ดสีไปที่เซลล์ผิวหนัง ครีมที่ใช้ เช่น Niacinamide, Green tea extract | 3. | ยับยั้งการสร้างเม็ดสีในตัวเมลาโนไซด์ ยาที่ให้ผลดี มากคงยังเป็นไฮโดรควินโนน (hydroquinone) แต่การใช้ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพราะ ถือเป็นยาควบคุม ส่วนตัวอื่นๆ เช่น Kojic acid, arbutin, Licorice extract, mulberry, Vit c, green tea extract, glutathione, soy bean extract, tranexamic acid |
| | ยากิน มีโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณต่างๆมากมาย ขอ เตือนว่าอย่าหลงเชื่อนักอาจเสียทั้งเงินและเสียสุขภาพได้ ตัวที่กินแล้วเป็นพิษเป็นภัยน้อยหน่อยเห็นจะเป็นกลุ่ม ไวตามินซี (Vit C) และไวตามินอี (Vit E) แต่พบว่า ประสิทธิภาพยังสู้กลุ่มที่ทาที่ผิวหนังโดยตรงไม่ได้ อีกตัว ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายคือ tranexamic acid กินแล้ว สีผิวจางลงจริง แต่เนื่องจากเป็นยาซึ่งถือเป็นสารเคมี มีข้อห้ามในการกินหรือผลข้างเคียงจากยาได้ ก่อนจะ รับประทานควรปรึกษาแพทย์ก่อน อย่าลองเองควรชั่ง น้ำหนักระหว่างผลดีและผลเสียก่อนนะคะ การรักษาอื่นๆ - | เลเซอร์เม็ดสี (pigmented laser) เห็นผลดีใน กระบางจำพวก แต่ในฝ้าโดยเฉพาะฝ้าชั้นลึก หลังทำจะเกิดรอยดำหลังเลเซอร์ค่อนข้างมาก | - | แสงความเข้มสูง (Intense pulse light) หลักการ คล้ายกับเลเซอร์เม็ดสี ในฝ้ามีรายงานผลการ รักษาดูจางลงได้ | - | Fraxel ในอเมริกาใช้รักษาฝ้าได้ผลน่าพอใจ ระดับหนึ่ง แต่ปริมาณคนไข้ที่ทำในการศึกษา ไม่มากเท่าไร ในผิวคนเอเชียคงต้องระวังเรื่องรอย ดำหลังเลเซอร์ซึ่งจะอยู่นานหลายเดือน | - | การขัดหน้าด้วยเครื่องไมโครเดอร์มาเบชั่น (Microdermabrasion) ซึ่งมีทั้งที่ใช้ผงผลึกคริสตัล (crystal peel) หรือการขัดด้วยหัวเพชร (diamond peel) ก็เป็นการขจัดเซลล์ผิวชั้นขี้ไคลที่มีเม็ด สีอยู่มากไปออก | - | การใช้เครื่องมือในการผลักยาร่วมกับยาทาเฉพาะ ที่ หลักการของเครื่องมือแต่ละประเภทแตกต่าง กันไป แต่วัตถุประสงค์เดียวกันคือ เชื่อว่าสามารถทำให้ตัวยาผ่านเข้าสู่ผิวหนังได้มากกว่าการทายา โดยปกติ เครื่องมือที่ใช้กันแพร่หลายเช่น | | - | เครื่องไอออนโตโฟรรีซีส (Iontophoresis) เป็นเครื่องมือที่ใช้กระแสไฟฟ้าอ่อนๆ อาศัยหลัก การของการผลักกันของประจุ ยาที่ใช้จึงมัก เป็นพวกที่แตกตัวเป็นประจุได้ | | - | เครื่องโฟโนโพรีซีส (Phonophoresis) อาศัย คลื่นเสียงเป็นตัวสั่นทำให้เซลล์ผิวหนังมีรูเปิด (ชั่วคราว) ตัวยาสามารถผ่านลงไปได้ง่ายขึ้น | | - | อาศัยแรงดัน (pressure) เช่น ออกซีเจ็ต (oxyjet) ใช้แรงดันของก๊าซออกซิเจนเป็น ตัวผลักยาลงไป |
จะเห็นว่ามีความพยายามที่จะใช้วิธีต่างๆในการ กำจัดจุดด่างดำบนใบหน้า และบ่อยครั้งที่แพทย์ใช้ หลายๆวิธีในการรักษาเพราะไม่มีวิธีใดวิธีหนึ่งใน การรักษาเดี่ยวๆที่ให้ผลดีที่สุด แม้แต่กระแดดที่ดู เหมือนง่ายเพียงทำเลเซอร์ครั้งเดียวก็เหมือนหายได้ แต่ถ้าไม่ระมัดระวัง ไม่ใช้ครีมกันแดดอย่างต่อเนื่อง และยังมีปัจจัยอื่นๆที่กระตุ้นให้เกิดเม็ดสีที่ผิวหนังที่ ต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน (ดังที่กล่าวไว้แล้วใน เรื่องสาเหตุของเม็ดสีที่หน้า) ก็สามารถทำให้มีการ กลับเป็นซ้ำได้อีก ช้าหรือเร็วขึ้นกับการดูแลผิวพรรณ ของคุณนั้นเอง |