Monday, February 15, 2016

รู้ทัน Google Search Engine

ผู้อ่านจำนวนมากเป็นผู้ใช้งานเครื่องมือค้นหา (Search Engine) ของ Google อยู่เป็นประจำ มีบางท่านอาจเคยสงสัยว่า Google มีวิธีในการจัดอันดับการแสดงผลบนหน้า Search Engine อย่างไร บทความนี้เราจะมาดูรายละเอียดกันครับ ก่อนจะอ่านบทความนี้ผมแนะนำให้อ่านบทความ จุดกำเนิดของกูเกิ้ล (The Birth of Google) ในลิงค์นี้ เพื่อการทำความเข้าใจความรู้ขั้นพื้นฐานและที่มาของ Google Search Engine ก่อนนะครับ

เจ้าของเว็บไซต์ที่ต้องการให้สินค้าหรือบริการของตนเป็นที่รู้จักของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เข้ามาค้นหาสินค้าหรือบริการ ผ่านเครื่องมือค้นหา Google Search Engine นั้น การทำอันดับในหน้าแสดงผลการค้นหา (SERp : Search Engine Result page) เมื่อมีการค้นหาตามคีย์เวิร์ดใดๆ ก็ตามที่หน้าค้นหาของ Google เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งต้องการให้มีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของตัวเองมากขึ้น การปรับแต่งเว็บไซต์ให้เว็บของเรามีผลการค้นหาที่ดีนั้น เราเรียกว่าการทำ SEO (Search Engine Optimization) ก่อนที่จะทำ SEO ได้นั้น เรามาทำความเข้าใจ และรู้จักหลักการทำงานของ Google กันก่อน

การทำงานเพื่อจัดอันดับหน้าเว็บไซต์ต่างๆเพื่อแสดงในหน้า SERp  เมื่อมีคนพิมพ์คำค้นหาลงไปใน Google นั้น Search Engine จะแบ่งการทำงานเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือ ส่วนที่ 1 เก็บข้อมูลในหน้าเว็บไซต์ต่างๆ และส่วนที่ 2 แสดงผลการค้นหา ตามความสอดคล้องของคำค้นหา

ส่วนที 1 Google มีโปรแกรมที่คอยทำหน้าที่เหมือนแมงมุม (Spider) หรือบางคนก็เรียกว่า Google Bot ที่ไต่ไปตามเว็บต่างๆ คอยเก็บเนื้อหา และเรียบเรียงข้อมูล เพื่อใช้ในการแสดงผลในหน้าค้นหาเมื่อมีการค้นหา

ส่วนที่ 2 Algorithm ที่ทำหน้าที่ในการจัดอันดับในหน้า SERp เมื่อพิมพ์คำค้นหาลงไป ซึ่งเงื่อนไขในการจัดอันดับการค้นหา Google ไม่เปิดเผยว่าใช้อะไรเป็นปัจจัย ในการจัดอันดับแต่ Google ได้จัดทำ “คู่มือเริ่มต้น SEO” (ลองคลิ๊กลิงค์ดูครับ) ว่าควรจัดทำหน้าเว็บไซต์อย่างไรให้ง่ายสำหรับการเก็บข้อมูล และแสดงผลการค้นหาที่สอดคล้องกับ “คำค้นหา”

ในส่วนที่ 2 นี้มีความสำคัญอย่างมากในการจัดอันดับ ซึ่ง Google ได้ออกแบบโปรแกรมการจัดอันดับเว็บไซต์ ที่ทำหน้าที่แตกต่างกัน ตามเงื่อนไขหลักในการจัดอันดับบนหน้าแสดงผลการค้นหา (SERp.)  ซึ่งมีมากกว่า 200 ปัจจัย ที่มาจากการทดลองจากนัก SEO ระดับโลก อย่าง  Singlegrain.com ได้ทำ Infographic 200 ปัจจัยการจัดอันดับของ google

และปัจจัยหลักต่อไปนี้ คือสิ่งที่ Google ให้ความสำคัญ จนต้องสร้างโปรแกรมสำหรับคัดกรองเพื่อจัดอันดับ หรือที่นัก SEO มักเรียกโปรแกรมเหล่านี้ว่า Algorithm เพราะ Google ใช้หลักการจัดอันดับของการค้นหา คือ กระบวนการ ลำดับขั้นตอนการทำงาน รวมไปถึงกระบวนการในการประมวลผลที่จำเป็นต้องใช้การตัดสินใจโดยนำหลักเหตุผลตรรกศาตร์ และทางคณิตศาสตร์ ที่จำลองความคิดของมนุษย์ในการตัดสินใจจัดอันดับ มาช่วยเหลือในการเลือกหาวิธีการ หรือขั้นตอนการดำเนินงานที่รวดเร็ว นั่นก็คือ ชุดคำสั่งที่ไว้ใช้ในการช่วยตัดสินใจในการทำงานครับ

ซึ่ง Algorithm  ที่สำคัญของ Google ในการจัดอันดับได้แก่

- Panda Algorithm – ให้ความสำคัญกับเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์ (On Page SEO)
- Penguin Algorithm – ให้ความสำคัญกับลิงก์เชื่อมโยงจากเว็บไซต์ภายนอก (Off Page SEO)
- Caffeine Algorithm – ตรวจหาเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์ที่สดใหม่ และอัพเดทอย่างสม่ำเสมอ
- Hummingbird Algorithm – โปรแกรมค้นหา และจัดอันดับด้วยเสียง

Panda หมีน้อยผู้คอยดู On page เนื้อหาดีก็มีชัย
Panda Algorithm จะคอยตรวจสอบและจัดอันดับหน้าเว็บไซต์ต่างๆ ด้วยเงื่อนไขว่าเนื้อหาในหน้าเว็บนั้นๆ เป็นเนื้อหาที่  สอดคล้องกับคำค้นหาที่พิมพ์ลงไปใน Google ข้อมูลบนเว็บไซต์ หรือที่นัก SEO มักเรียกว่า On Page SEO ซึ่งอัลกอริทึมตัวนี้จะใช้เป็นกระบวนการสำหรับการค้นหา คัดกรองบทความที่มีความเป็น Contents Farm (เนื้อหาไร้คุณภาพ ซ้ำๆกับเว็บไซต์อื่น) ออกจากดัชนี (Index) ของ Google หรือลดอันดับให้แสดงผลท้ายๆของผลการค้นหา

ซึ่งปัจจัยที่ Google นำมาพิจารณาในการจัดอันดับสำหรับเนื้อหา เช่น
 - เนื้อหาคุณภาพ ที่สร้างขึ้นมาโดยมุ่งเน้นไปที่ประโยชน์เพื่อผู้อ่านในหัวข้อนั้น
- เนื้อหาที่มีคนต้องการ มีเนื้อหาที่ครอบคลุมในหัวข้อนั้นๆ
- เนื้อหาที่มี “คำค้นหา” อยู่ในหน้านั้นๆ
- หัวข้อของบทความ (Title) ที่มีคำค้นหา
- โครงสร้าง Html ที่ง่ายต่อการเก็บข้อมูล เป็นต้น

Penguin สายตรวจนักปั่น Back link จอมสแปมควรระวังไว้
Penguin คืออัลกอริทึมทำหน้าที่ตรวจสอบ และคัดกรองลิงก์เชื่อมโยงมาที่เว็บไซต์นั้นๆ หรือ Back link ว่ามีการสร้าง Link ที่เป็นธรรมชาติหรือไม่ หรือมีการจงใจสร้างลิงก์เชื่อมโยงจากเว็บไซต์อื่นๆมากเกินไปเพื่อทำอันดับอย่างจงใจ จากตาราง The Periodic Table Of SEO Success Factors  ข้างล่างนี้ ทำให้เห็นว่า Back link ถือว่าเป็นปัจจัยที่มีสำคัญอย่างมาก โดยให้คะแนนจาก Link คุณภาพ ที่มาจากเว็บไซต์คุณภาพ ลิงก์ที่เป็น Text link (ลิงก์ที่เป็นอักษรที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเว็บไซต์)

Caffeine โปรแกรมตรวจหาเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสดใหม่ และอัพเดทสม่ำเสมอ
Google Caffeine Algorithm ตัวนี้เป็นอัลกอริทึมที่ใช้ในช่วงปี 2010 แต่กลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้งในช่วงปี 2014 เพราะ Caffeine เป็นอัลกอริทีมที่ให้ความสำคัญกับความถี่ในการอัพเดทเนื้อหาของเว็บไซต์ และถูกนำมาใช้สำหรับการค้นหา SEO บนมือถือ ดังนั้นส่งผลให้เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสดใหม่ มีการอัพเดทบ่อยๆ ถูกดึงมาแสดงผลในการค้นหาของ google บ่อยขึ้นตามความถี่ในการอัพเดท ทำให้อันดับใน Google มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงตลอดทั้งวัน ซึ่งจะคอยเกาะกระแส Trend ของระบบข่าวสารตามเว็บ Social Network ต่างๆ ได้ดีเพราะมีการอัพเดทข้อมูลอย่างบ่อยๆนั้นเอง

เมื่อการกลับมามีบทบาทอีกครั้งของ Caffeine อัลกอริมทึมนั้นทำให้เจ้าของเว็บไซต์ต้องมีการอัพเดทเนื้อหา Contents อย่างสม่ำเสมอเพื่อการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ดียิ่งขึ้น

Hummingbird พลิกโฉม SEO แบบใหม่ ด้วยผลงานที่รวดเร็ว ฉับไว
Google Hummingbird Algorithm คือ อัลกอริทีมเทคโนโลยีใหม่ที่มาพลิกวงการการค้นหาแบบเดิมๆกันเลยทีเดียว เพราะ Hummingbird อัลกอริทึมนั้นสามารถรวบรวมสถิติการค้นหาใหม่ในรูปแบบเสียง ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากพวกอุปกรณ์ Tablet และ Smartphone จากนั้นจะนำข้อมูลเสียงเหล่านี้แปลออกมาเป็นคำศัพท์และเก็บลงเป็นสถิติการค้นหาเพื่อนำมาใช้วิเคราะห์ สิ่งทีกำลังนิยมค้นหาอยู่ในปัจจุบัน ในเมื่อ Hummingbird สามารถทำการค้นหาข้อมูลด้วยเสียงได้และสามารถจัดทำ Index ด้วยเสียงได้เช่นกันดังนั้นการที่เจ้าของเว็บไซต์จะมีข้อมูล Contents ที่เป็นข้อมูลแบบเสียงเพิ่มเข้ามาใน Website ก็เป็นการเพิ่มโอกาสในการค้นหา SEO เข้าไปนั้นเอง

สรุป Algorithm การทำงานของ Google
ไม่ว่าจะเป็น Panda ที่คอยคัดกรองข้อมูลซ้ำๆ Onpage ทำให้ต้องเป็นข้อมูลที่มีคุณภาพมากขึ้น Panguin ที่คอยตรวจจับการสร้าง Back Link ว่ามีความถูกต้องไม่ใช่ spam link หรือจะเป็น Caffeine ที่เน้นการจัดอันดับเว็บไซต์ที่มีการอัพเดทข้อมูลบ่อยๆ และสุดท้าย Hummingbird ตัวจัดอันดับการค้นข้อมูลด้วยเสียง ซึ่งจะส่งผลดีให้กับ User ผู้ใช้ที่เข้ามาค้นหาข้อมูลสามารถเข้าถึง Website ที่มีคุณภาพ ถูกต้อง แม่นยำรวดเร็วยิ่งขึ้นนั้นเอง

ส่วนเราที่เป็นเจ้าของ Website ก็จะต้องมีการปรับตัวด้วยการหันมาใส่ใจกับคุณภาพของเนื้อหา ความต่อเนื่องในการอัพเดท มากยิ่งขึ้น เมื่อทำได้ถูกต้องครบถ้วน ทุกส่วนตามที่ได้อธิบายไว้ในตอนต้นแล้วนั้นก็แทบไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวลถึงการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมของ google ที่แต่ละปีจะมีการปรับผลการค้นหาถึง 500 ครั้งแต่อย่างใด เพราะของแท้ก็ยังเป็นของแท้ครับ ไม่ต้องไปกังวลกับการเปลี่ยนการทำงานของเราเพื่อหลอก Search Engine เพราะสิ่งที่ Google พยายามทำก็คือการจำลองพฤติกรรมของมนุษย์ให้เป็นสมการคณิตศาสตร์ในการบอกว่าเว็บไซต์ไหนมีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดดีที่สุด และเว็บไหนมีคุณภาพรองลงมา

อ้างอิง: